การดูแลรักษารถยนต์ ในช่วงหน้าร้อน

0
15269
การดูแลรักษารถยนต์

การดูแลรักษารถยนต์ของท่านช่วงฤดูร้อน

เข้าสู่ฤดูร้อนแบบเต็มตัวกันแล้วน่ะครับสำหรับเมืองไทย ซึ่งเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของรอบปี แล้วเราจะมีวิธีจัดการดูแลรักษารถยนต์อย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อยืดอายุการใช้งานรถยนต์ของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ ซึ่ง Thaiengine.org เรามี 7 วิธีเบื้องต้นสำหรับการดูแลรถยนต์มาให้ท่านได้อ่านกัน

ขั้นตอนวิธีอย่างง่ายสำหรับการดูแลรักษารถยนต์ที่คุณรัก

  1. หมั่นตรวจเช็คระดับน้ำในระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์ คุณสามารถเช็คได้ 2 จุด  คือ 1. สามารถเช็คได้จากหม้อน้ำ ข้อควรระวังในการปฎิบัติ ในจุดนี้ คือ ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่หม้อน้ำยังมีความร้อนสูงอยู่ เพราะความร้อนทำให้เกิดแรงดันในหมอน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำในหม้อน้ำพุ่งออกมาโดนใส่เราได้ หากหม้อน้ำยังมีความร้อนอยู่ ควรรอให้เย็นเสียก่อน จึงทำการเปิดฝาหม้อน้ำ และมีข้อสังเกตในการเติมน้ำคือ หากระดับน้ำนั้นไม่ถึงคอหมอน้ำ ให้เติมน้ำได้ทันที 2. สามารถเช็คได้จากระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ก็คือ สารหล่อเย็น สามารถนำสารหล่อเย็นเติมผสมกับน้ำเปล่า เพื่อให้สารหล่อเย็นนั้นเป็นตัวช่วยในระบายความร้อนของเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  2. การดูแลรักษารถยนต์ ระบบหล่อเย็นเครื่องยนต์

  3. หมั่นตรวจสอบซีลยางใต้ฝาปิดหม้อน้ำ ซึ่งฝาหม้อน้ำจะวัสดุที่ทำมานำโลหะ แต่ด้านใต้ของฝาหม้อน้ำนั้น จะซีลซึ่งทำมาจากยาง เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำที่อาจจะไหลออกมา เป็นจุดซึ่งต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เป็นประจำสม่ำ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ แต่ถ้าซีลยางรองใต้ฝาเริ่มมีการแข็งตัวไม่นิ่มเหมือนเดิม นั้นหมายความว่าซีลของท่านได้เสื่อมสภาพลงแล้ว ต้องซื้อฝาหม้อน้ำมาเปลี่ยนทันที
  4. การดูแลรักษารถยนต์ ตรวจสอบซีลยางใต้ฝาปิดหม้อน้ำ

  5. การตรวจสภาพท่อยางน้ำระบบหล่อเย็น ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ซึ่งเป็นอีกจุดที่ควรหมั่นตรวจเช็คอย่างละเอียด เพราะนั้นคือตัวท่อยางน้ำจะเป็นเส้นทางเดินน้ำในระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ขั้นตอนวิธีตรวจสอบคือ ให้ใช้นิ้วมือบีบไปที่ตัวท่อยาง และสังเกตดูว่ามีรอยแตกที่ตัวท่อยางหรือไม่ หรือมีรอยน้ำรั่วซึมออกจากตรงจุดไหนบ้าง ถ้าไม่มีรอยแตกรอยรั่ว ต้องสังเกตท่อยาง ว่ามีอาการบวมหรือไม่ หากเริ่มบวมควรรีบเปลี่ยนท่อยางนั้นทันที
  6. การดูแลรักษารถยนต์ ท่อยางน้ำระบบหล่อเย็น

  7. หมั่นตรวจสอบสภาพของพัดลมระบายความร้อนเครื่องยนต์ ซึ่งพัดลมนั้นมีทำหน้าที่ในการเป่าลมผ่านหม้อน้ำ เพื่อระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง ในขณะที่รถติด การทำงานของพัดลมระบายความร้อนจะทำงานหนักมากขึ้น การสังเกตการทำงานของพัดลมว่ายังทำงานปกติหรือไม่ ให้ลองเอามือไปอังดูว่ามีแรงลมปะทะมือหรือไม่ หรืออาจจะฟังจากเสียงของพัดลมดูว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ จากข้อมูลในข้อต้นที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีปัญหาที่จุดใดจุดหนึ่งให้ เรียบแก้ไขหรือเปลี่ยนทันที เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก
  8. การดูแลรักษารถยนต์ พัดลมระบายความร้อน

  9. อย่าปรับแอร์สู้ความร้อนในห้องคนขับ ข้อควรปฏิบัติขณะที่จอดรถตากแดทิ้งไว้ ให้เลื่อนกระจกลง และปรับพัดลมแอร์สูงสุด เพื่อไล่ความร้อนออกจากห้องเสียก่อน หรืออาจจะใช้วิธีการเปิดประตูรถยนต์ช่วยก็ได้ เพื่อระบายความร้อนออก จะช่วยลดการทำงานของ compressor air ไม่ให้ทำงานหนักได้ และสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกทางหนึ่งด้วย หากจอดรถในพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยงต่อการขโมยทรัพย์สิน ให้เราทำการเลื่อนกระจกลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ความร้อนในห้องคนขับมีความร้อนสะสมมากจนเกินไป ช่วยให้เรารักษาอุปกรณ์ที่ใช้ภายในรถไม่ให้แห้ง กรอบ หรือแตกในเวลาอันรวดเร็ว
  10. การดูแลรักษารถยนต์ แอร์รถยนต์

  11. ควรหมั่นขยับส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็นยาง อาทิ ชิ้นส่วนที่เป็นขอบยาก เช่น ที่ปัดน้ำฝน หน้าต่าง ประตูท้าย กระโปรงท้าย และหลังคาซันรูฟ ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับความร้อนเป็นอย่างดี อาจทำให้วัสดุที่เป็นยางนั้นละลายจนเหนียวหรือด้าน เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้งานก็อาจจะฉีกขาด ควรหมั่นขยับอุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งจะช่วยยืดอายุได้
  12. การดูแลรักษารถยนต์ ใบปัดน้ำฝน

  13. หมั่นเช็คลมยางรถยนต์ให้อยู่ในแรงดันปกติ หรืออาจจะเติมแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์ เพื่อป้องกันแก้มยางที่อาจเกิดการบิดตัวได้ อันเกิดจากความร้อน ซึ่งอาจส่งผลให้แรงดันภายในของยางรถสูงขึ้นจนระเบิดได้ เพราะหน้าร้อนจะเห็นอาการของยางบวมได้ชัดเจน เมื่อเจอปัญหาเหล่านี้ควรรีบเปลี่ยนยางทันที
  14. การดูแลรักษารถยนต์ เติมยางรถยนต์

จากตัวอย่างการดูแลรักษารถยนต์ ในเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าเราสามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย การดูแลเอาใจใส่กับรถยนต์สามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินไปได้เยอะเลยทีเดียว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วไปๆ ไม่มากก็น้อย