รถสตาร์ทไม่ติด แต่ไฟและวิทยุยังทำงาน เพราะอะไร?
ปัญหา รถสตาร์ทไม่ติด แต่ไฟหน้าและวิทยุทำงานได้ปกติ เป็นปัญหาที่มือใหม่ใช้รถจะต้องเจอเป็นแน่ ซึ่งหลายคนอาจจะไปโทษระบบตัวรถ โทษนู่นโทษนี่ แต่ที่จริงแล้ว อาการแบบนี้มันคือ “แบตเตอรี่ใกล้หมด” ซึ่งคนที่ใช้รถอยู่เป็นประจำจะไม่เกิดปัญหานี้ เพราะได้มีการตรวจเช็คอยู่เสมอ แต่มือใหม่ที่ใช่รถก็ยังไม่รู้วิธีตรวจเช็คว่าต้องทำยังไง วันนี้จะมาอธิบายกัน
ทำไมรถสตาร์ทไม่ติด
หากรถสตาร์ทไม่ติด แต่ไฟและวิทยุยังทำงานได้ปกติ ให้คิดไว้ก่อนเลยว่า “แบตเตอรี่อ่อน” และการที่ไฟหน้าและวิทยุยังทำงานได้ก็เพราะ ทั้งสองอย่างนั้นใช้กำลังไฟต่ำ แต่การสตาร์ทรถต้องใช้กำลังไฟมาก โดยอาจจะมาถึง 300 แอมป์ เป็นเหตุผลให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่เลือกแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรดมาใช้งาน เนื่องจากแบตเตอรี่ชนิดนี้รองรับการใช้กำลังไฟจำนวนมากได้ดี – เลือกแบตเตอรี่รถยนต์ ไหนดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
ซึ่งถ้ารถยนต์มีแบตเตอรี่ที่มีปริมาณกำลังไฟมากพอที่จะเล่นวิทยุหรือเปิดไฟหน้ารถให้ติดได้นั้น ไม่ได้แปลว่ามันมีกำลังไฟเพียงพอที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ลองเปรียบเทียบคำนวณ จากแบตเตอรี่ถ่านไฟฉายที่ใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ไฟฉาย และรีโมตโทรทัศน์ การใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกันอาจทำให้ไฟฉายส่องได้เพียงชั่วคราว แต่กับรีโมตโทรทัศน์กลับสามารถใช้ได้แบบปกติ เพราะจำนวนการใช้กำลังของไฟฉายต้องการกำลังไฟที่มากกว่ารีโมตมาก นี่ก็เป็นที่เปรียบเทียบระหว่างการสตาร์ทเครื่องยนต์กับการใช้ไฟของไฟหน้าได้ดีทีเดียว
เช็คส่วนอื่นๆ เพื่อหาปัญหา
ถ้าแบตเตอรี่ทำงานได้ปกติดี ไม่มีปัญหา นั่นแสดงว่าปัญหาไม่อยู่ที่แบตเตอรี่ ปัญหาไปอยู่ที่จุดอื่นแทน เช่น ฟิวส์หรือสายฟิวส์ขาด ซึ่งแปลว่าการเดินทางของกระแส ไม่สามารถไปถึงสะพานไฟได้ หรือไม่แน่ก็อาจเกิดปัญหาที่สะพานไฟซะเองก็มี ทั้งหมดนี้ก็ต้องตรวจสอบเช็คให้ดีด้วย
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนแต่ก็สร้างปัญหากันมาแล้วก็คือ “สวิตซ์กุญแจ” โดยปกติสวิตซ์กุญแจจะไม่เป็นปัญหาใดๆ แต่ถ้ามีความผิดปกติทางเครื่องยนต์ออกมาละก็ การเปิดสวิตซ์เพื่อเปิดเครื่องอาจจะดึงการทำงานของไฟหน้าและวิทยุแต่ไม่ไปดึงการทำงานของเครื่องยนต์ก็ได้ ตรงนี้ก็เป็นจุดที่ควรเช็ค
รถยนต์บางคันก็ต้องเช็คว่ามีระบบเซ็นเซอร์หรือเปล่า เพราะบางรุ่นก็มีเซนเซอร์การทำงานที่ผู้ขับจะต้องเหยียบแป้นคลัทช์ไว้เวลาสตาร์ทเครื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เกิดการสตาร์ทในขณะที่ระบบไฟฟ้าปกติทำงานอยู่ ทั้งนี้เซนเซอร์นี้ทำมาเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถสตาร์ทติดได้เมื่อเหยียบแป้นไว้ แต่ในการทำงานที่ผิดพลาดของเครื่องยนต์ ก็อาจทำให้การทำงานของเซนเซอร์ผิดปกติ ซึ่งทำให้สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้นั่นเอง
มอเตอร์สตาร์ทก็เป็นส่วนหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ซึ่งถ้ารถสตาร์ทไม่ติดแต่ส่วนอื่นๆยังทำงานได้ปกติ ควรไปเช็คที่มอเตอร์สตาร์ทว่าผิดปกติหรือไม่ ซึ่งถ้ามีเสียงดังออกมาในมอเตอร์สตาร์ท นั่นก็แปลว่าเกิดความผิดปกติที่ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดได้แล้ว
มอเตอร์สตาร์ท บางครั้งเวลาเราสตาร์ทเครื่องยนต์อาจจะไม่มีเสียงให้ได้ยินแบบผิดปกติเลย แต่เครื่องยนต์ก็ยังไม่ทำงานอยู่ดี นั่นอาจจะมาจากระบบการทำงานที่ผิดปกติ อาจจะมีเส้นผม เศษผ้าหรืออะไรต่างๆ ที่ไปขัดขวางการทำงานของเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้
เมื่อเช็คทุกอย่างครบแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่ผิดปกติอะไรเลย ก็ขอให้ย้อนมาดูที่ตัวแบตเตอรี่อีกครั้ง ว่าผิดปกติอะไรหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งที่เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติดก็มาจากตัวแบตเตอรี่เองนี่แหละ อาจจะเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาด หรือสายเชื่อมชำรุด ซึ่งจะเป็นผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์แน่นอน
ไม่ว่าจะรถจะสตาร์ทไม่ติดด้วยเหตุใดก็ตาม ถ้าเราเช็คคร่าวๆแล้วยังไม่เจอปัญหา แนะนำให้ไปหาศูนย์ซ่อมที่ไว้วางใจได้หรือช่างฝีมือดีแถวบ้านดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของเราและรถ เนื่องจากถ้าเราตรวจสอบ เช็คความผิดปกติของรถด้วยตัวเอง แก้ไขเองโดยที่ความรู้เรายังมีไม่มากแล้ว อาจจะเกิดผลเสียตามมาอย่างไม่คาดคิดก็ได้ ซึ่งช่างจะมองปัญหาได้ง่ายกว่าเราและมีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่า ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ไปหาช่างดีที่สุด