แบตเตอรี่น้ำกลั่น หรือ แห้งแบบไหนดีกว่ากัน
เวลาจะซื้อของมาใช้แล้วมีตัวเลือก สิ่งที่ต้องทำก็คือ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละอย่างแล้วตัดสินใจเลือกซื้อ แบตเตอรี่รถยนต์ก็เช่นกัน เมื่อท้องตลาดผลิตออกมา 2 แบบ มีแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งทั้งสองอย่างก็มีหลักการทำงานเพื่อประโยชน์อย่างเดียวกัน คือ การเปลี่ยนพลังงานเคมีให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยที่ขณะเครื่องทำงาน เยนเนอเรเตอร์ (Generator) จะเปลี่ยนพลังงานกลที่เหลือใช้ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วเอาพลังงานไฟฟ้านั้นมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ในรูปของพลังงานเคมีไว้ใช้
ถ้าจะเปรียบแบตเตอรี่รถยนต์กับอวัยวะในร่างกายของคน ก็คงเหมือน “หัวใจ” ของรถยนต์ เพราะแบตเตอรี่รถยนต์เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานที่ส่งจ่ายไปตามเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริมในรถที่ใช้ไฟทุกประเภท เหมือนหัวใจที่สูบฉีดโลหิตไปทั่วร่างกาย พลังงานจากแบตทำให้เครื่องยนต์ติดเครื่องได้ และยังทำให้ระบบไฟใช้งานได้ กระจกเลื่อนได้ วิทยุเครื่องเสียงทำงาน เป็นต้น
ความสำคัญของแบตเตอรี่รถนั้นสำคัญต่อรถมาก ส่วนว่าจะเลือกใช้แบบไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของรถ แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือก เรามาดูข้อดีข้อเสียก่อนดีกว่า
ลักษณะทั่วไปและข้อดีข้อเสียของแบตเตอรี่แต่ละประเภท
แบตเตอรี่ในท้องตลาดมี 2 ประเภทตามที่ผู้ขับขี่คุ้นเคยกันอย่างดี คือ แบบแห้ง และแบบเติมน้ำกลั่น
- แบตเตอรี่แบบแห้ง . ลักษณะทั่วไป
แบตเตอรี่ประเภทนี้ เป็นประเภทที่เกิดภายหลัง มีการพัฒนาเพื่อไม่ต้องเติมน้ำกลั่น จึงเรียกตามลักษณะให้ตรงข้ามกับแบบดั้งเดิม คือ แบตเตอรี่แห้ง ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว แบตเตอรี่ประเภทนี้ ไม่ได้แห้งสนิทเพราะไม่มีของเหลวอะไรหล่อเลี้ยงเลย เพียงแต่เรียกขานให้ตรงข้ามกับแบบเติมน้ำกลั่นเท่านั้น แต่สภาพที่แท้จริงของแบตชนิดนี้ เมื่อนำมาใช้กับรถยนต์ก็ยังคงมีของเหลวอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นแบบตะกั่ว-กรดที่ใช้แคดเมี่ยมและตะกั่วในแผ่นเซลล์หรือพวกที่ใช้สารละลายอัลคาไลน์หรือที่รู้จักกันในชื่อ นิเกิล-แคด เมี่ยมนั่นเอง ปัจจุบันนี้ ของเหลวที่นิยมและใช้งานกันในแบตเตอรี่แบบแห้งอย่างแพร่หลาย ก็คือแบบตะกั่ว-กรดเพราะมีราคาถูกกว่าของเหลวชนิดอื่นที่กล่าวมา
แบตเตอรี่แบบแห้งนั้น. เมื่อใช้ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น และจะไม่มีฝา ปิด-เปิด บางครั้งจะถูกซีลทับฝาติดกัน แต่สามารถเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟ อายุใช้งาน การรับประกันโดยมองผ่านตาแมวสำหรับตรวจเช็ค ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบของบริษัทผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อ
ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง
1.ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยห่วงกังวลว่าจะลืม
2.เมื่อไม่ต้องคอยเช็คระดับน้ำกลั่น จึงสะดวกต่อการใช้งาน
3.สามารถปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ในสภาพไม่มีไฟประจุได้นานกว่าแบตประเภทเติมน้ำกลั่น
4.โอกาสที่ปฎิกริยาทางเคมีภายในจะทำให้เกิดแก๊สมีน้อย ยิ่งเกิดแก๊สได้น้อยความเสี่ยงจากแก๊สก็มีน้อยไปในตัว
ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง
- ประการแรกเลยก็คือ แบตชนิดนี้มีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น
- แบตชนิดนี้เป็นระบบปิด ที่มีรูระบายแบบทางเดียว และยังมีขนาดเล็ก จึงมีโอกาสอุดตันได้ง่าย ซึ่งถ้าเกิดอุดตันแล้ว ก็อาจจะเกิดปัญหาแรงดันภายในหรือความร้อนมากโดยเฉพาะกับระบบประจุที่รุนแรงเนื่องจากเกิดปัญหาในระบบการประจุ
- ตามที่กล่าวแล้วว่า ในแบตเตอรี่แบบแห้งก็ยังมีแยกชนิดของของเหลว ซึ่งถ้าเป็นแบบที่ปิดผนึกชิดไม่ใช้อีเล็กโตรไลท์ หากซีลของช่องหายใจหลุด อาจเกิดการเสียหายขึ้นได้เนื่องจากมีความชื้นเข้าไปภายใน
- แบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น . ลักษณะทั่วไป
แบตเตอรี่ประเภทที่ต้องเติมน้ำกลั่นนี้ เป็นแบบที่ใช้กันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนที่จะมีการพัฒนาให้มีแบบแห้ง แต่ความนิยม โดยทั่วไปก็ยังคงนิยมใช้แบบนี้กันอยู่แบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่นเป็นแบตเตอรี่ประเภทตะกั่วกรด มีสารละลายอิเล็กโตรไลท์เป็นของเหลว ทำให้ต้องมีการเติมน้ำกลั่น เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป
โดยโครงสร้างแล้ว แบตเตอรี่ชนิดนี้ก็ไม่ต่างจากแบตเตอรี่แบบแห้ง สิ่งที่ต่างก็เป็นเพียง แบตประเภทนี้จะใช้อีเล็กโตรไลท์หรือกรดซัลฟุริคเจือจางด้วยน้ำกลั่นบรรจุอยู่ . เนื่องจากแบตเตอรี่ทั้งสองชนิดมีการใช้วัสดุที่มาทำแผ่นธาตุแตกต่างกัน
แบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น แบ่งเป็นประเภทได้อีก 2 แบบ คือ
2.1 แบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
2.2 แบบแบตเตอรี่กึ่งน้ำ ชนิดนี้จะกินน้ำกลั่นน้อยมาก สามารถเติมนานๆ ครั้งได้
หากทั้ง 2 แบบนี้ จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น และมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5-3 ปี ส่วนจะใช้งานได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ตลอดจนการดูแลรักษา ของผู้ใช้รถแต่ละคน ดูแลดี ใช้ถนอม ก็ทำให้อายุของแบตเตอรี่รถยนต์ยาวนานขึ้นเป็นธรรมดาของการใช้แบตรถให้คุ้มค่า
ข้อดีของแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น
- เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดแห้ง นับว่าแบตชนิดเติมน้ำกลั่นราคาถูก
- มีความทนทานต่อการรับโหลดทั้งการประจุและคายประจุ
ข้อเสียของแบตเตอรี่ชนิดเติมน้ำกลั่น
- เนื่องจากสารละลายภายในมีส่วนผสมของกรด หากมีการรั่วหรือหก ก็อาจทำลายสีของรถได้ แต่ก็สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจเช็คอย่าให้มีโอกาสเกิดเหตุนั้น
- ต้องคอยเช็คดูแลการประจุและต้องเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอ เนื่องจากมีการระเหยหรือโอกาสที่จะรั่วหกได้
ลองประเมินข้อดี ข้อเสีย แล้วเลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถยนต์และความสะดวกในการดูแลของตัวเอง
(ถ้าคุณสนใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่นิยมที่สุดในไทย >> แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี)