วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ของคุณให้หมดช้าลง
คนที่ขับรถเป็นประจำ จะรู้สึกได้ว่า รถที่เราขับอยู่มีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น วิทยุพัง แอร์ไม่ออก หรืออาการเล็กๆน้อยๆอย่าง คันเร่งฝืดนิดๆ พวงมาลัยหวานหน่อยๆ และมีสิ่งหนึ่งที่ผู้ขับรู้ได้แน่ๆ เมื่อเช็ครถก็คือ “แบตเตอรี่หมดไว” ปัญหานี้ ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่ก็ยังสามารถสร้างความเสียหายทางเงินและทางอารมณ์ให้ผู้คนได้เสมอ ซึ่งวิธีแก้ไขมีอยู่มากมาย แต่วันนี้จะนำเสนอ 3 วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ให้หมดช้าๆ ที่ใครๆก็ทำได้ ง่ายซะด้วย ไปดูกัน
แบตเตอรี่รถยนต์หมดไว เพราะอะไร?
สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไว มีอยู่มากมายหลายสาเหตุ ซึ่งก็ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นที่กวนใจผู้คนมันมาตลอด สาเหตุแรกที่แบตเตอรี่หมดไว ก็คือ แบตเตอรี่เก่า การใช้งานแบตเตอรี่เก่าหรือแบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนก็มีโอกาสทำให้สภาพแบตเตอรี่เสื่อมลงได้ อีกปัจจัยหนึ่งคือ แบตเตอรี่รั่ว ซึ่งทั้งสองสาเหตุสามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่ก็ยังมีปัญหาอีกหลายปัญหาที่ยังไม่ต้องถึงขั้น “เปลี่ยน” ก็สามารถใช้งานได้ รวมทั้งวิธีตรวจเช็คที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน
-
อากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด
สภาพอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไว โดยถ้าอากาศร้อนจัด หรือหนาวเย็นจัด ก็จะมีปัญหากับแบตเตอรี่แน่นอน
- อากาศที่ร้อนจัดจะทำให้อิเล็กโตรไลท์ในแบตเตอรี่ระเหยออกมา ซึ่งผลเสียจะอยู่ที่แบตเตอรี่เพราะ ถ้าแบตเตอรี่มีอิเล็กโทรไลท์ต่ำจะทำให้สมรรถภาพการทำงานของแบตเตอรี่ทำงานได้น้อยลง หลายคนที่พบปัญหานี้แก้ไขโดยการเติมตัวอิเล็กโตรไลท์เข้าไป ในบางกรณีก็อาจจะช่วยได้ แต่ถ้าปัญหาอยู่ที่ตัวบรรจุภัณฑ์ ไม่ได้อยู่ที่ตัวอิเล็กโตรไลท์ นั่นแปลว่าการเติมเป็นวิธีที่แก้ไขไม่ตรงจุด ทางที่ดีควรซ่อม หรือไม่ก็เปลี่ยนมันไปเลย
- อากาศที่หนาวเย็นจัด จะทำให้กระแสไฟฟ้าลดน้อยลง อย่างที่รู้กันว่า ประจุไฟฟ้า สามารถเพิ่มจำนวนได้ และลดจำนวนลงได้ถ้ามีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้อง ซึ่งอากาศหนาวก็ทำให้เกิดการบีบอัดและลดลงของกระแสไฟฟ้าสูงสุด เกือบร้อยละ 20 หรือ 1 ใน 5
-
ไฟรั่วที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์แบตเตอรี่
กระแสไฟฟ้ารั่วออกจากแบตเตอรี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไว ก็แน่ละเพราะกระแสไฟไหลออกไปหมดเลย ซึ่งถ้าใครสงสัยว่าไฟรั่วจุดเดียวจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไปตลอดหรือเปล่า ตอบเต็มปากว่า “ใช่” ถึงแม้ว่าจะรั่วแค่จุดเดียวแต่ก็ทำความเสียหายให้เราได้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้ารั่วหลายจุดก็จะทำให้ไฟไหลออกไปเยอะ และแบตเตอรี่หมดในที่สุด และปัญหานี้ส่วนมากจะเกิดในแบตเตอรี่ที่เสื่อม เก่า และใช้อายุมานาน แต่ก็ไม่แน่ว่าแบตเตอรี่ใหม่จะไม่เกิดปัญหานี้
ถ้าอยากจะดูว่าแบตเตอรี่รั่วหรือไม่ แต่ไม่อยากไปหาช่างซ่อม วิธีง่ายๆก็คือ การใช้ประแจที่วัดไฟได้ โดยการนำไปแตะบริเวณแบตเตอรี่ ถ้าไฟ LED ติดที่จุดใดจุดหนึ่ง นั่นแหละแสดงว่า แบตเตอรี่รั่วชัวร์ เพราะประแจพวกนี้มีไว้ตรวจจับกระแสไฟฟ้าอยู่แล้ว เพราะแค่ไฟอ่อนๆมันก็ทำงานแล้ว
การตรวจเช็คคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราแก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งหลายคนก็ละเลยการตรวจ อาจจะด้วยเวลาที่เร่งรัด แนะนำให้ตรวจตอนทำงานเสร็จแล้ว กลับมาก็ตรวจว่ามีอะไรผิดปกติไหม ทั้งก็เพื่อรถและเงินในกระเป๋าเรานี่แหละ
-
ปัญหาแบตเตอรี่ ตอนจอดรถ
เป็นปัญหาที่คาดคิดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ว่าการจอดรถทิ้งไว้เนี่ย จะทำให้แบตเตอรี่หมดไว จริงๆก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น สภาพอากาศ และอีกมากมาย ซึ่งถ้าจอดทิ้งไว้แค่ วันสองวันก็จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าจอดทิ้งไว้ เดือนสองเดือน นั่นแหละปัญหาตัวยงแน่นอน เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียประจุไปทุกวันๆ จนถึงระดับอันตราย อันเนื่องมาจากการที่ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานาน สำหรับปัญหานี้มีทางแก้ไขง่ายๆอยู่ 2 วิธี ซึ่งทุกคนควรรู้
3.1 ตรวจเช็คเป็นประจำ เป็นวิธีที่ง่าย ไม่เสียเงิน และสามารถทำได้ การตรวจเช็ดเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติกับแบตเตอรี่หรือเปล่า โดยอาจจะสตาร์ทรถทุกวันก็ได้ เพื่อเป็นการเตรียมเครื่องยนต์ให้มีความพร้อม เผื่อป้องกันเวลาฉุกเฉิน
3.2 เครื่องชาร์จอัตโนมัติ ด้วยยุคสมัยที่ล้ำเจริญ จึงมีการคิดค้นเครื่องชาร์จอัตโนมัติขึ้นมา การทำงานของมันคือจะคอยชาร์จเมื่อแบตเตอรี่มีประจุอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปดูรถเลย หรือไปทำงานต่างจังหวัดและไม่มีใครดูรถ แต่ก็ต้องยอมแลกมาด้วยเงิน เพราะเครื่องชาร์จอัตโนมัติมีราคาพอสมควร แต่ใครที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน เครื่องถือเป็นทางออกที่ดีมากๆ
วิธีแก้ไขยังมีอีกหลายวิธีมากๆ แต่ยังไม่เป็นที่นิยม อาจจะด้วยความที่ยุ่งยากจนเกินไป หรือทำให้เสียเงินทองเกินเหตุ และปัญหาที่ทำให้แบตเตอรี่หมดไวก็ยังมีเพิ่มขึ้นทุกวันๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีอัพเดตกันอยู่เสมอ และนี่คือวิธีง่ายๆที่ทำให้แบตเตอรี่หมดช้าลง ที่ใครๆก็ทำได้ เพื่อป้องความสูญเสียที่ตามมา ดังนั้นเราควรตรวจเช็คสภาพรถทุกวัน เช้าเย็นเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับปัญหานี้อีก – ถ้าคุณสนใจเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่นิยมที่สุดในไทย >> http://thaiengine.org/แบตยี่ห้อไหนดี