เช็ครถก่อนเดินทาง เช็คให้ดี สบายใจทั้งทริป

0
9011
ตรวจเช็คอุปกรณ์ภายในรถ

เช็ครถก่อนเดินทาง เช็คให้ดี สบายใจทั้งทริป


เช็ครถก่อนเดินทาง เช็คให้ดี สบายใจทั้งทริป หากคุณมีแผนว่าวันหยุดยาวของคุณจะจัดทริปเดินไกลด้วยรถคู่ใจของคุณ ไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ และเพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และมีความสุขที่สุด สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำเลยก็คือ การเช็คสภาพรถ เพื่อดูความพร้อมของรถสุดรักของเรา ว่าพร้อมจะเดินทางไปด้วยกันหรือยัง

แน่นอนว่าการนำรถไปตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์นั้นเป็นเรื่องที่ชัวร์กว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมาด้วยเวลา อีกทั้งในบางกรณีอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม วันนี้เราจึงนำวิธีการ เช็คสภาพรถ ในเบื้องต้น ด้วยตนเองมาฝากกัน ไปดูกันเลย
ตรวจอุปกรณ์ภายนอกรถ


  1. เช็ครถ ข้อแรกให้ดูที่ ยาง ตรวจเช็คสภาพลมยางทั้ง 4 ล้อ ตรวจดอกยาง ดูรอยฉีกขาดว่ามีหรือไม่
    เชคสภาพรถก่อนเดินทาง ล้อ


2. เช็คระดับและรอยรั่วซึมของสิ่งต่างๆต่อไปนี้
เช็ครถก่อนเดินทาง เครื่องยนต์และน้ำมัน

  • น้ำมันเกียร์ สำหรับรถเกียร์ออโต้ รถยนต์แต่ละรุ่นจะมีคู่มือการใช้รถมาด้วย ฉะนั้นต้องศึกษาวิธีการดูแลตรวจเช็คตามคู่มือ
  • น้ำมันเครื่อง ตรวจเช็คให้อยู่ในระดับระหว่างจุดสูงสุดกับจุดต่ำสุด อย่าปล่อยให้เหลือน้อย เช็คด้วยว่ามีรอยรั่วด้วยหรือเปล่า
  • น้ำมันเบรก ตรวจเช็คจุดรั่วซึม และปริมาณให้มีปริมาณน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
  • น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ให้ตรวจดูปริมาณก่อน หากพบว่าพร่องไปมากให้รีบเช็คจุดรั่วซึมทันที หากมีก็ให้รีบเรียกผู้ชำนาญการมาแก้ไข
  • น้ำกลั่น หากเหลือน้อยก็เติมเพิ่ม แต่ควรเติมให้ได้ระดับที่กำหนด อย่าเติมมากเกินไป เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
  • น้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ ตอนเช้าที่รถยังไม่ได้ใช้งาน เครื่องยนต์ยังไม่ร้อนก็ให้เปิดฝาขึ้นมาดูสีดูสภาพ ถ้าแย่มากก็เปลี่ยนถ่ายใหม่

3. เช็คยางปัดน้ำฝน ให้ทดลองปัดดูว่าอยู่ในสภาพดีอยู่หรือไม่ ถ้าไม่เคยขับรถกลางฝน แบบไม่มีที่ปัดน้ำฝน คุณจะไม่รู้เลยว่ามัน ไม่สามารถขับต่อได้จริงๆ ถ้าฝนตกและยางปัดฝนไม่ทำงาน
ที่ปัดน้ำฝน-หน้าฝน


4. เช็คระบบไฟส่องสว่าง เป็นการ เช็คสภาพรถ เพื่อการขับขี่ในเวลากลางคืน
เชครถก่อนเดินทาง ไฟหน้า


ตรวจเช็คอุปกรณ์ภายในรถ


ตรวจเช็คอุปกรณ์ภายในรถ เช็ครถก่อนเดินทาง

  • 1. ตรวจเช็คยางอะไหล่ ดูลมยางและอุปกรณ์แม่แรง เพื่อความไม่ประมาท
  • 2. เช็คสภาพรถ ภายในต้องไม่ลืมเช็คเข็มขัดนิรภัยว่าล็อคดีอยู่หรือไม่
  • 3. แตร และแผงควบคุมอุปกรณ์ เช็คว่าทำงานปกติหรือไม่
  • 4. เบรก ในการเช็คสภาพรถ จะละเลยไม่ได้เลย เพราะถ้าเบรกมีปัญหามักจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุเสมอ

อย่างไรก็ตามวิธีการเหล่านี้ก็ยังเป็นการ เช็คสภาพรถ ในเบื้องต้น หากเราพบปัญหากับอุปกรณ์ต่างๆเพื่อความแน่ใจควรเข้าศูนย์หรือเรียกผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขให้เราจะดีกว่า และวิธีการ เช็คสภาพรถ ดังข้างต้นก็เหมาะกับผู้ที่พอจะรู้เรื่องรถยนต์ หากใครที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์นักก็ขอแนะนำว่าให้ไปตรวจ เช็คสภาพรถ กับศูนย์จะดีกว่า เวลาจะเสียเวลาบ้างแต่ก็คุ้มค่ากับการเดินทางที่ปลอดภัยของทุกคน