เช็คระยะทาง กับการ ตรวจสภาพรถ

0
33926
ตรวจสภาพรถ

เช็คระยะทาง กับการ ตรวจสภาพรถ ที่กี่กิโลต้องตรวจอะไรบ้าง


เช็คระยะทาง กับการ ตรวจสภาพรถ – การมีรถยนต์เป็นของตัวเองนั้นให้ความสะดวกสบายในการเดินทางแก่เจ้าของ แต่ภาระที่ตามมาจากการมีรถนั้น จะว่าจุกจิกก็อาจจะได้ เพราะรถยนต์นั้นต้องได้รับการดูแลและบำรุงรักษาตลอดเวลา จึงจะมีอายุการใช้งานคุ้มค่าราคารถ อีกอย่างหนึ่งเพราะเราฝากชีวิตไว้ในรถตลอดระยะเวลาการเดินทาง สภาพรถจึงควรอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้อย่างปลอดภัย ซึ่งเมื่อเราซื้อรถแล้ว จะมีคู่มือกำกับรถไว้ว่า เมื่อไหร่ต้องนำรถไปตรวจเช็คสภาพ เมื่อไหร่ควรเช็คอะไร เปลี่ยนอะไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่ควรละเลย ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ลองมาดูข้อมูลคร่าวๆ สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีรถ และอยากจะมีรถเป็นของตัวเอง คุณพร้อมหรือยังที่จะดูแลเอาใจใส่รถยนต์ของคุณ


กิโลเมตรไหน ต้องไปเช็คสภาพรถยนต์


เช็คระยะทาง

แท้จริงแล้ว การตรวจเช็คสภาพรถนั้น ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่มักจะเกิดขึ้นยามที่เราประมาทนั่นเอง แต่โดยหลักๆ ที่เป็นคู่มือคู่รถก็คือ ยึดที่ระยะทางการใช้งานรถเป็นหลัก


เช็คทุกครั้ง ไม่จำกัดกิโล


  • 1. ตรวจเช็ครถยนต์ เครื่องยนต์ เช็คสภาพ พร้อมใช้งานทุกครั้ง
  • 2. การทำความสะอาดยาง ตามความจำเป็น
  • 3. สัปดาห์ละครั้ง หรือเวลาไปเติมน้ำมัน
    • 3.1 การเช็คระดับน้ำมันหล่อลื่นด้วย
    • 3.2 การเช็คระดับของเหลวในแบตเตอรี่
    • 3.3 การเช็คระดับน้ำหล่อเย็น
    • 3.4 การเปิดเครื่องปรับอากาศให้ทำงาน 3 – 4 นาที
  • 4. ภายใน 2 สัปดาห์ ควรมีการเช็คความดันลมยาง

การดูแลอีกหลายเรื่อง ใช้ระยะทางการใช้งานเป็นตัวกำหนดว่า ถึงเวลาตรวจเช็คสภาพแล้ว ซึ่งไล่ตามระยะทางที่ใช้งาน ซึ่งตัวแทนจำหน่ายรถแต่ละยี่ห้อ จะมีศูนย์ซ่อมบำรุงช่วยดูแลเรื่องรถของบริษัทตัวเองแล้วส่วนหนึ่ง อาจมีป้ายที่จะเตือนเจ้าของรถว่า ถึงเวลาที่ต้องนำรถเข้าศูนย์เมื่อผ่านการใช้งานไปถึงกิโลเมตรที่เท่าไหร่ แต่ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของรถ การศึกษาหาความรู้เรื่องเหล่านี้ไว้บ้างย่อมดีแก่ตัวเองในการดูแลเอาใจใส่ มากกว่าจะปล่อยให้ทางศูนย์ดูแลแบบ 100% โดยที่เราไม่รู้อะไรเลย ขับอย่างเดียว เนื่องจากบางครั้ง อาจมีเหตุที่อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือตรวจสภาพก่อนถึงเวลากำหนด ข้อมูลที่ทางศูนย์กำหนดคือระยะมาตรฐานปกติเท่านั้น


  • 1. 1,500 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 เดือน สิ่งที่ต้องเช็คมีดังนี้
    • 1.1 ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
    • 1.2 การเช็คสภาพท่อน้ำหล่อเย็น
    • 1.3 การเช็คการสึกของยาง
    • 1.4 การเช็คระดับน้ำมันเบรก
    • 1.5 การเช็คฝาหม้อน้ำ
    • 1.6 การเช็คความตึงของสายพานขับปั๊ม
    • 1.7 การเช็คและปรับสายพานแอร์

  • 2. 5,000 กิโลเมตร หรือเมื่อใช้ไปประมาณ 3 เดือน มีอุปกรณ์รถยนต์หลายอย่างที่ผ่านการใช้งานมาถึงจุดนี้ ก็เสื่อมได้ จึงต้องเช็คหลายอย่างด้วยกัน
    • 2.1 การเช็คสายพานและปรับความตึง
    • 2.2 การทำความสะอาดกรองอากาศ
    • 2.3 การเช็คน้ำมันคลัตช์
    • 2.4 การเช็คระดับน้ำมันในปั๊ม
    • 2.5 การเช็คใบปัดน้ำฝน
    • 2.6 การเช็คการทำงานของหัวฉีด
    • 2.7 การทำความสะอาดคอยล์ร้อน
    • 2.8 การเช็ครอยรั่วที่ข้อต่อ
    • 2.9 การเช็คปริมาณน้ำยาทำความเย็น

  • 3. เมื่อรถวิ่งไปได้ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น หรือแม้แต่ยังใช้งานไม่ถึงกิโลเมตรดังกล่าว ในระยะเวลา 6 เดือนก็ควรสำรวจสภาพน้ำมันหล่อลื่น ทั้งนี้จะใช้วิธีดูฉลากของน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้ก็ได้ หลักอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือ ทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นต้องมีการเปลี่ยนกรองน้ำมันหล่อลื่นด้วย

  • 4. 10,000 กิโลเมตร หรือเมื่อใช้รถไปนานประมาณ 6 เดือน ควรเช็คสภาพรถในเรื่องต่อไปนี้
    • 4.1 การตั้งระยะหน้าทองขาวและเขี้ยวหัวเทียน
    • 4.2 การสับเปลี่ยนตำแหน่งของยาง ซึ่งพื้นที่ถนนอาจทำให้ยางแต่ละเส้นสึกไม่เสมอกัน
    • 4.3 การเช็คความลึกของดอกยาง
    • 4.4 การเช็คระยะฟรีของแป้นคลัตช์
    • 4.5 การเช็กระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
    • 4.6 การเช็คสภาพเบรก
    • 4.7 การหล่อลื่นข้อต่อต่าง ๆ
      จะเห็นว่า เมื่อรถวิ่งได้ระยะทาง 10,000 กิโลเมตรแล้ว ต้องระมัดระวังในเรื่องของความเสื่อม โดยเฉพาะของยางรถยนต์


  • 5. 20,000 กิโลเมตรหรือประมาณปีละ 1 ครั้ง เมื่อผ่าน 20,000 กิโลเมตร เริ่มมีอุปกรณ์บางอย่างที่ต้องถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว
    • 5.1 ต้องเช็คระยะช่องว่างของวาล์ว
    • 5.2 การเช็คสายหัวเทียน
    • 5.3 การเช็คฝาครอบจานจ่ายและหัวโรเตอร์
    • 5.4 การเช็ควาล์ว พีซีวี
    • 5.5 การล้างหม้อน้ำ
    • 5.6 การเปลี่ยนชุดทองขาวและคอนเดนเซอร์ และให้ปรับไทม์มิ่งจุดระเบิด ทุกครั้งที่ตั้งระยะหน้าทองขาว ด้วย
    • 5.7 การเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
    • 5.8 การเปลี่ยนหัวเทียน
    • 5.9 การเปลี่ยนกรองอากาศ

  • 6. 40,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 2 ปี มีอุปกรณ์สำคัญๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนในช่วงนี้เช่นกัน
    • 6.1 การเปลี่ยนสายพาน
    • 6.2 การเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
    • 6.3 การเปลี่ยนสายพานขับปั๊ม
    • 6.4 การเปลี่ยนสายพานแอร์
    • 6.5 การเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน

  • 7. 60,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 3 ปี
    • 7.1 การเปลี่ยนสายหัวเทียน
    • 7.2 การเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง
    • 7.3 การทำความสะอาดคาร์บูเรเตอร์

ตรวจสภาพรถ

สำหรับรถยนต์นั้น ยิ่งใช้งานนานจะยิ่งมีความเสื่อม แต่เราสามารถชะลอความเสื่อมของรถได้จากการดูแล และซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ตามระยะการใช้งาน ยิ่งดูแลดีเท่าไหร่นอกจากประหยัด ปลอดภัย และยังมีรถคู่ใจที่ถูกมืออีกด้วย
ของใช้ทุกชนิดที่เจ้าของดูแลอย่างถูกวิธีการใช้ย่อมใช้ได้นานกว่าของที่เจ้าของขาดการดูแล