ซื้อรถมือสอง – อยากเล่นรถมือสอง ต้องดูให้เป็น
การจะซื้อรถมือสองมาใช้สักคัน
แท้จริงแล้วมันยากกว่าการตัดสินใจซื้อรถมือ 1 ด้วยซ้ำ เพราะหากเราซื้อรถมือหนึ่ง คือ รถใหม่จากบริษัทผู้ผลิต ยังไม่ผ่านการใช้งาน ก่อนนำออกขายก็ต้องมีการทดสอบ และรับรองคุณภาพ ต่างจากการ ซื้อรถมือสอง ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เงื่อนไขในการขายรถก็มีเหตุผลต่างๆ นานา ซึ่งหากผู้ขายไม่บอกความจริง หรือบอกให้ผิดจากความเป็นจริง ก็เป็นหน้าที่ของผู้ซื้อต้องรอบคอบ ตรวจสอบให้ดีว่าจริงตามที่ผู้ขายบอกหรือไม่ ซึ่งก็มีเหตุผลอีกหลายอย่างที่ต้องระวัง เพราะคนขายก็ต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้เราตัดสินใจซื้อ โดยรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้บางครั้ง ซื้อรถมือสองแล้วถูกหลอก ใช้แล้วไม่คุ้มค่าที่ลงทุนซื้อมา หรือใช้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเข้าซ่อม เพราะมีการย้อมแมวขาย
ถ้าใครอยากจะซื้อรถมือสองใช้แล้วได้รถดีสมราคา ต้องเป็น ในที่นี้คือมีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ทั้งเรื่องของสภาพ เครื่องยนต์ ถ้าเราดูเป็น เข้าใจสภาพรถที่แท้จริง รู้ว่าต้องสังเกตและทดสอบอะไรบ้าง ใครก็หลอกเราไม่ได้ เราจะรู้สภาพที่แท้จริงของรถ และประเมินได้ว่า ราคาเสนอขายนั้น เหมาะที่จะซื้อหรือไม่
เทคนิคข้อแรกก็คือ ซื้อรถยนต์มือ 2 ต้องตรวจเช็ครถยนต์ตอนกลางวัน ทุกอย่างจะชัดเจน มากกว่าการเช็ครถที่ใช้แสงไฟช่วยส่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงตัวถัง, ช่วงล่าง หรือเครื่องยนต์ที่เราต้องตรวจเช็ค
มาดูกันดีกว่าว่า แต่ละส่วนนั้นต้องตรวจเช็คอะไรบ้าง ในบทนี้จะได้กล่าวถึงเฉพาะการตรวจโครงตัวถังและช่วงล่างเท่านั้น ส่วนเรื่องเครื่องยนต์จะได้เขียนถึงในบทความต่อไป
- โครงตัวถัง คือสภาพภายนอกของรถที่ต้องดู เพราะรถที่ใช้แล้วอาจเคยเกิดอุบัติเหตุ เฉี่ยวชน หรือคว่ำมาแล้ว เราจะรู้ได้โดย การตรวจดูแนวรางน้ำขอบหลังคารถยนต์ ถ้าเจอว่ามีรอยคดงอ แสดงว่ารถคันดังกล่าวอาจเคยคว่ำจนเสียศูนย์ มาแล้ว นอกจากนั้นยังต้องตรวจเช็คให้ทั่วหลังคารถ มองให้ครบทุกมุม จะได้เห็นสภาพที่แท้จริง เพราะหลังคาที่คดหรือยุบจะมีผลต่อการขับ
นอกจากตรวจดูสภาพ ก็ต้องดูถึงรอยสนิมด้วย รถที่ใช้งานมาแล้ว หากดูแลไม่ดีพอ ก็มีสนิมกัดกินได้ ตั้งแต่บังโคลนหน้า ไฟทั้งสองข้าง รถที่มีสนิมแม้จะมีการซ่อมเพื่อกลบเกลื่อนรอย ถ้าเช็คไม่พบก็หมายความว่า เราไม่รู้สภาพที่แท้จริงของรถ ดีไม่ดีเมื่อมาอยู่ในมือเรา สนิมที่เคยเป็นค่อยลาม ทำให้ต้องเสียเงินซ่อมอีก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพราะคิดว่ารถสภาพดี ส่วนที่ต้องเพ่งเล็งเรื่องสนิมเป็นพิเศษคือ รอบไฟท้าย ขอบฝากระโปรงหลัง โดยเฉพาะส่วนนี้ต้องเปิดดูแล้วเช็คให้ละเอียด นอกจากนั้นยังต้องเช็คบริเวณขอบประตูด้านล่างที่ติดกับตัวถังล่าง ตรวจไปถึงใต้ท้องรถ อาจมุดไปดู หรือเปิดพรมยางในรถ ก็ดูได้ระดับหนึ่ง และสุดท้ายในการตรวจเรื่องสนิม ต้องไม่ลืมเรื่องระบบท่อไอเสีย
2. ตรวจเช็คช่วงล่าง รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อาจมีปัญหาเรื่องเครื่องช่วงล่าง ซึ่งมีผลในการทรงตัวของรถ การเลี้ยว การขับเร็ว เป็นต้น มีอะไรบ้างที่ต้องตรวจเช็ค มาดูกัน
2.1 ตรวจใต้ท้องรถ โดยการยกรถให้สูงขึ้น เรื่องนี้ถ้าคุณไม่มีความรู้ อาจจะยากอยู่สักหน่อย อย่าลืมหาเพื่อนที่มีความรู้เรื่องรถดีไปช่วยดู เล็กๆ น้อยๆ ที่มองผ่าน อาจหมายถึงความไม่ปลอดภัยของชีวิตได้ เพราะต้องตรวจตั้งแต่ ห้องเกียร์ ช๊อคอัพ แหนบ พวงมาลัย เฟืองท้าย และต้องช่างสังเกตในเรื่องผิดปกติแม้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะซ่อนสายตา การหัก บิด งอ หรือแม้แต่เรื่องน้ำมันหยด ทุกอย่างเป็นความผิดปกติที่ต้องสังเกตอย่างคนเชี่ยวชาญในเรื่องของส่วนประกอบรถยนต์ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับการดูแล้ว หาช่างที่ชำนาญเฉพาะทางที่เชื่อใจกันได้ไปช่วยจะดีที่สุด
2.2 เพลากลาง ต้องมีการตรวจเช็ค เพราะบางครั้งเจ้าของเดิมปล่อยปละละเลยจนเสื่อมคุณภาพหรือหมดอายุการใช้งานไปแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยน การทดสอบทำได้โดย การจับเพลากลางแล้วหมุนกลับไปกลับ คอยดูว่าหมุนฟรีมากแค่ไหน ถ้ามากก็แปลว่าระบบขับเคลื่อนหลวมแล้ว
2.3 ตรวจดูยาง ต้องตรวจสภาพความสึกของยางทั้ง 4 ล้อ รวมไปถึงยางอะไหล่ด้วย หากอยู่ในสภาพที่ต้องเปลี่ยนใหม่ในทันทีที่ซื้อมา จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการตีราคารถไปด้วย
2.4 ตรวจระบบเบรก เบรกรถเป็นระบบที่หมายถึงความปลอดภัยในการขับขี่ ก่อนซื้อจึงต้องตรวจสอบให้ดีว่า รถที่จะซื้อมีระบบเบรกที่มีคุณภาพดีหรือไม่ ถ้าต้องเบรกชนิดจมมิด รถถึงจะหยุดก็นับว่ามีอันตราย เพราะไม่สามารถเบรกในระยะกระชั้นชิดหรือกรณีฉุกเฉินได้ รถที่เบรกลึกเกินไปมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า เมื่อทดลองขับจึงต้องทดสอบระบบให้มั่นใจ
2.5 ตรวจดูเข็มไมล์ เพื่อเปรียบเทียบกับสภาพรถ ระยะเวลาที่ใช้ ก็จะได้ทราบว่า รถที่จะซื้อผ่านการใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันขนาดไหน อีกทั้งเพื่อเปรียบเทียบกับความเสื่อมของตัวถัง เครื่องยนต์ การสึกหรอของล้อ เบรก คลัตช์และอื่นๆ
2.6 ตรวจพวงมาลัย เช็คความหนักเบา ช่วงฟรีของพวงมาลัย จะได้รู้สภาพปัจจุบัน ต้องซ่อมหรือไม่