หัวเทียนรถยนต์ หัวเทียนร้อน หัวเทียนเย็น มีลักษณะและการใช้งานต่างกันอย่างไร
หัวเทียนในรถยนต์จะทำหน้าที่สร้างประกายไฟสำหรับจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ มีสองประเภทคือ หัวเทียนร้อน หัวเทียนเย็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการทำงานของเครื่องยนต์
ลักษณะโดยทั่วไปของหัวเทียนนั้น เปลือกนอกมีลักษณะเป็นโลหะ และมีส่วนที่เป็นฉนวนซึ่งอาจเป็นกระเบื้องหรือเซรามิกเคลือบอยู่ภายในของขั้วกลางหัวเทียน ซึ่งขั้วกลางหัวเทียนจะยื่นผ่านศูนย์กลางของฉนวนออกไปที่ส่วนหัวของหัวเทียน ส่วนเปลือกนอกที่เป็นโลหะก็มีขั้วดินติดอยู่
การทำงานของหัวเทียนจะรับแรงไฟมาจาก สายไฟแรงดันสูง/สายหัวเทียน (High-Tension Leads) ซึ่งต่อมาจาก จานจ่าย (Distributor) อีกทอดหนึ่ง เนื่องจากหัวเทียนมีส่วนที่ช่วยให้ระบบจุดระเบิดทำงานได้ตรงตำเเหน่งเเละเวลาที่ชัดเจน ดังนั้นในการเลือกใช้หัวเทียนจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์เเต่ละชนิด มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับหัวเทียนร้อนและเย็นดีกว่า
ความแตกต่างและการลักษณะใช้งานหัวเทียนร้อนและหัวเทียนเย็น
การตัดสินใจเลือกใช้หัวเทียนร้อนหรือเย็นนั้น จำเป็นที่จะต้องดูสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ และการใช้งานเป็นหลัก เพื่อให้เหมาะสม เพราะหากเลือกใช้ไม่ถูกต้องจะมีผลต่อการใช้งานซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป
การเลือกใช้นั้น หากรถยนต์ใช้งานหนัก ไม่ว่าจะเป็นการขับเร็วหรือบรรทุกของหนัก ย่อมต้องการการเผาไหม้สูง และส่งผลให้ห้องเผาไหม้มีความร้อนสูงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ หัวเทียนก็จะมีความร้อนสะสมอยู่มากไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ต้องใช้หัวเทียนเย็นซึ่งมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนได้ดี ในทางตรงกันข้าม รถยนต์ใช้งานเบา ขับไม่เร็ว ก็ควรใช้หัวเทียนร้อน
หัวเทียนทั้งสองแบบนี้มีความต่างกันในเรื่องความยาวของฉนวนบริเวณส่วนหัวของหัวเทียน คือ หัวเทียนร้อน มีฉนวนที่ยาวและแคบ ทำให้ส่งผ่านความร้อนได้ลำบาก ส่วนหัวเทียนเย็น ซึ่งมีฉนวนที่สั้น เมื่อเกิดความร้อนขึ้นจึงระบายความร้อนออกได้เร็วกว่า
เลือกใช้หัวเทียนไม่เหมาะสม มีผลอย่างไร
ก่อนอื่นมาดูรายละเอียดการทำงานของหัวเทียนทั้งสองประเภทกันก่อน
- หัวเทียนร้อน เป็นหัวเทียนที่ระบายความร้อนจากการเผาไหม้ ออกไปสู่ภายนอกได้น้อย ทำให้มีการสะสมความร้อนเอาไว้ในตัวเองมากจึงไม่เหมาะที่จะใช้กับเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักต่อเนื่อง เพราะความร้อนที่สะสมอยู่มากๆ อาจเป็นเหตุให้เกิดการชิงจุดระเบิดก่อน ทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายตามมา
- หัวเทียนเย็น เป็นหัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ง่ายและเร็ว เมื่อเกิดการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ หัวเทียนเย็นจะมีความสามารถในการระบายความร้อนได้เร็ว จึงเหมาะกับเครื่องยนต์ ที่ทำงานหนัก เพราะหากใช้กับเครื่องยนต์ที่ใช้งานเบาแล้ว จะทำให้อุณหภูมิที่เกิดขึ้นตรงหัวเทียนต่ำกว่าประสิทธิภาพที่ที่ควรจะเป็น แล้วทำให้บริเวณหัวเทียนเกิดคราบสกปรก คราบเหล่านี้จะทำให้กระแสไฟวิ่งผ่านลำบาก เครื่องยนต์จึงวิ่งสะดุด ดังนั้น หากรถใช้งานหนักแต่เลือกใช้หัวเทียนร้อน ก็มีโอกาสระเบิด ทำให้รถเสียหาย หากรถใช้งานเบาแต่เลือกใช้หัวเทียนเย็น ก็ทำให้รถวิ่งสะดุดนั่นเอง
ในความเป็นจริง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกใช้หัวเทียนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับเครื่องยนต์แต่ละรุ่นอยู่แล้ว เพราะรถแต่ละรุ่นจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานหนักต่างกัน ตามกำลังของเครื่อง ผู้ใช้มีหน้าที่ใช้งานรถให้เหมาะสมกับรุ่นที่ผู้ผลิตออกแบบมาอยู่แล้ว เพราะหากใช้งานผิดก็มีผลเสียหายจากสภาพหัวเทียนของตัวรถ และมีข้อควรระวังคือ เมื่อเปลี่ยนหัวเทียน ก็ควรเลือกประเภทตามแบบเดิมที่มีอยู่กับตัวรถ
ไม่ควรเลือกใช้หัวเทียนที่ไม่เหมาะ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้รถใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นทางก่อให้เกิดความเสียหายที่มากขึ้นด้วยซ้ำ แต่กรณีที่รถมีการแต่งใหม่ ก็ต้องอยู่ในความดูแลของช่างผู้ชำนาญ เพราะต้องมีการปรับทั้งระบบให้เข้ากัน
เพราะการใช้หัวเทียนผิดประเภทมีผลต่อปัญหาการสตาร์ทรถ ดังนั้น หากเจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติดหรือรถสะดุด ต้องตั้งสมมติฐานก่อนว่าน่าจะมีผลมาจากหัวเทียน ซึ่งจะใช่หรือไม่ ก็ต้องทดสอบ โดยการถอดหัวเทียนออกมา แต่คาสายหัวเทียนเอาไว้ แล้วใช้คีมแบบมีฉนวนจับ คีบไปจ่อกับชิ้นส่วนโลหะ เช่นตัวถัง แล้วลองสตาร์ทรถดูว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่มีประกายไฟเกิดขึ้น ให้ทดสอบซ้ำเพื่อความแน่ใจโดยการเปลี่ยนสายหัวเทียน ถ้ายังไม่มีประกายไฟเกิดขึ้นอีก ก็สรุปได้ว่าเกิดจากหัวเทียนเสีย ถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่แล้วอนึ่ง ขณะทดสอบหัวเทียน ระวังอย่าไปจ่อใกล้ๆ บริเวณที่มีน้ำมันเบนซิน หรือแบตเตอรี่