วิธีดูแลสีรถยนต์ ของท่านให้ดูใหม่นานๆ

0
8429
วิธีดูแลสีรถยนต์

วิธีดูแลสีรถยนต์ ของท่านให้ดูใหม่นานๆ


จะดีแค่ไหน ถ้ารถยนต์ของเราแม้ผ่านการใช้งานมาหลายปี แต่ก็ยังดูดีเหมือนใหม่ตลอดเวลา เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลสีรถยนต์ของคุณเอง อยากให้ใครทักและถามเคล็ดลับในการดูแลรถอย่างไรจึงดูใหม่นานๆ ละก็ มาดู วิธีดูแลสีรถยนต์ ให้ใหม่อยู่เสมออย่างง่ายๆ กันดีกว่า

ธรรมชาติแวดล้อมอะไรมีปฏิกิริยาต่อสีรถ

จะดูแลสีรถ ก็ต้องหาความรู้รอบตัวก่อนว่า อะไรบ้างที่สามารถทำอันตรายต่อสีรถยนต์ได้ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รถยนต์ของคุณต้องเผชิญประจำวันเสียด้วย ซึ่งได้แก่

  1. แสงแดด ความร้อนนี่แหละตัวดีที่คอยกลืนกินสีรถ ทำให้สีซีดลงทุกๆ วัน
  2. ไอเสียและมลภาวะในอากาศ มลพิษในอากาศมีอยู่ คุณต้องรู้ว่า รถของคุณต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
  3. น้ำเค็ม สารปนเปื้อน ละอองน้ำมันหรือฝุ่นละอองจากโรงงาน ถ้าปกติชีวิตประจำวันของคุณต้องนำรถไปเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอด คุณก็ต้องทราบว่า ความเสี่ยงเรื่องสีรถเสื่อมมีมากกว่าคนอื่น
  4. รอยแมลง ขี้นก ยางไม้ ยางมะตอย และรอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยงต่างๆได้ แน่นอนว่าอะไรก็ตามที่มากระทบกับตัวรถของคุณ มีผลต่อสีรถทั้งสิ้น
  5. การล้างรถของคุณก็มีผลต่อสีของรถยนต์เช่นกัน ทั้งน้ำยาที่ล้าง เคลือบสี
  6. สถานที่จอดรถ มีที่กันแดด ลม ฝน แค่ไหน จอดนอกบ้าน ในบ้าน มีส่วนทั้งสิ้น

รู้เหตุ จะทำให้สามารถหาทางป้องกันได้ตามส่วน


วิธีดูแลสีรถยนต์ของท่านให้ดูใหม่ได้นานๆ

วิธีดูแลสีรถยนต์

เงื่อนไขที่มีผลต่อสีของรถยนต์นั้น บางเหตุก็สามารถป้องกันได้ด้วยตัวคุณเองโดยการหลีกเลี่ยงการเผชิญกับเหตุเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้ บางเหตุก็ต้องมีตัวช่วย เรามาดูกรณีที่สามารถป้องกันและดูแลเฉพาะกันดีกว่า

  1. การขัด-เคลือบสีรถยนต์ มีสองอย่าง คือ ขัดและเคลือบสี ในที่นี้หมายถึง การขัดทำความสะอาดผิวหน้าแล็กเกอร์ของสีรถ เพื่อที่จะกำจัดคราบสกปรกที่วิธีล้างด้วยน้ำเอาไม่ออก การทำเช่นนี้นอกจากทำให้รถดูสะอาดขึ้นแล้ว ยังทำให้สีรถดูมีมิติและมีความเงางามมากขึ้น ส่วนการเคลือบสีรถนั้น เปรียบเหมือนเป็นการสร้างฟิล์มเคลือบรถเอาไว้เพื่อปกป้องการทำลายสีรถของแสงแดด วิธีนี้ช่วยให้เราของท่านเก่าช้าลง ไม่ตกอยู่ในสภาพสีด้าน หรือสีแตกเป็นลายงา รวมถึงกำจัดร่องรอยตำหนิเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากรอยขีดข่วนบางๆ แบบที่เรียกว่า “ขนแมว” รวมถึงกำจัดคราบสกปรกและความร้อนจากเครื่องยนต์ด้วย

ในการขัดสีรถนั้น นิยมใช้ขี้ผึ้งสำหรับขัดสีรถ ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน รวมถึงมีวิธีใช้ที่แตกต่างกัน ในท้องตลาดมี 3 ประเภท

  1. ขี้ผึ้งขัดสีรถชนิดน้ำ แบบนี้ใช้สะดวก เพราะเพียงแค่ขี้ผึ้งไปผสมน้ำก็ใช้ได้แล้ว
  2. ขี้ผึ้งชนิดครีม ประเภทนี้ก็ใช้ง่าย สะดวกและดี เพราะไม่เลอะเทอะ
  3. ขี้ผึ้งชนิดก้อน ประเภทนี้อาจจะใช้ไม่สะดวกเท่าประเภทอื่น และเสียเวลาในการขัดนานสักหน่อย แต่ข้อดีก็มี คือ มีความทนและถนอมสีรถได้ดีกว่า

  1. วิธีการขัดสีรถยนต์ ก่อนอื่นต้องเตรียมรถให้แห้งและสะอาดก่อน และทำการขัดสีในที่ร่ม วิธีการทำก็คือ ใช้ผ้าสะอาดและมีความนุ่ม ผิวของผ้าไม่ทำลายพื้นผิวของรถโดยไม่เจตนา ใส่ขี้ผึ้งลงบนผ้าแล้วลูบไปให้ทั่วพื้นผิวของตัวรถ เวลาขัดให้ทำทีละส่วนโดยกำหนดให้มีระยะความยาวที่เหมาะสม จากนั้นให้ใช้ผ้าแห้งเนื้อละเอียดขัดจนขึ้นเงาวาววับ การขัดสีรถยนต์ โดยทั่วไปจะทำกันปีละประมาณ 2-3 ครั้ง เพราะการทำบ่อยกว่านี้ใช่ว่าจะดี เพราะยิ่งขัดมากสีรถก็จะจางลงมากเท่านั้น

  1. การเคลือบสีรถยนต์ ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำให้พอหมาดๆ แล้วเช็ดรถ ระวังอย่าให้ผ้าชุ่มน้ำมากไปเพราะจะทำให้รถมีรอยคราบน้ำ ต่อจากนั้นให้เทน้ำยาเคลือบสีลงบนผ้าที่ยังหมาดๆ วิธีเช็ดให้เช็ดวนเป็นก้นหอยไปเรื่อยๆ ไม่ต้องลงน้ำหนักมือแรงๆ วนผ้าไปให้ทั่วตัวรถ เมื่อทั่วตัวรถแล้ว ให้ทิ้งไว้เพื่อให้น้ำยาได้เคลือบสีของรถ ระยะเวลานั้นจะมีระบุไว้ที่ฉลากของน้ำยาเคลือบแต่ละยี่ห้อ ไม่เหมือนกัน เมื่อครบเวลาแล้ว จึงใช้ผ้านุ่มเช็ดวนๆ ในลักษณะเดิมเพื่อเช็ดเอาคราบน้ำยาบนตัวรถออกให้หมด เมื่อทำเรียบร้อยแล้ว จะพบว่าสีของรถดูเป็นเงางาม

“อนึ่ง” เราต้องทราบว่า การเคลือบสีรถ แม้ว่าจะเป็นการปกป้องสีรถ แต่บางครั้งก็มีส่วนทำให้สีรถมีคราบหมองหรือมีรอยขีดข่วนฝังตัวแน่นขึ้นก็ได้ สาเหตุก็เนื่องมาจากขั้นตอนการล้างรถและขัดสีรถยังทำได้ไม่ดี นั่นเอง