ยางรถยนต์ เลือกใช้แบบธรรมดา หรือยางเรเดียลดี
การเคลื่อนที่ของรถยนต์ถ้าจะให้เคลื่อนไปอย่างราบรื่น ไม่กระแทกกระเทือนแรงๆ นั้น นอกเหนือจากโช้คอัพดีแล้ว ยางรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนสำคัญมาก เพราะล้อจะรองรับตัวรถทั้งคัน และสัมผัสไปกับพื้นถนน ต้องรองรับน้ำหนักรถและคุ้มครองคนในรถไปในตัว เพราะหากยางรถมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นดอกยางที่เสื่อม หรือแม้แต่ลมยางไม่สม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ จึงไม่ควรมองข้ามยางรถยนต์ไป แม้ว่าเมื่อเทียบกับตัวรถแล้ว ยางรถอาจไม่ได้อยู่ในสายตาที่คนจะมองก็ตาม
ยางรถยนต์ประกอบด้วย เนื้อยาง โครงยาง ขอบลวด ดอกยาง บ่ายาง เเละ เเก้มยาง โดยทั่วไปที่ใช้กันในปัจจุบันนี้มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ ยางรถยนต์ประเภทที่ใช้ยางในเเละยางรถยนต์ประเภทที่ไม่ใช้ยางใน เรามาดูคุณลักษณะของยางทั้งสองประเภทนี้กันก่อน
- ยางประเภทใช้ยางใน(Conventional Tire With Tube) ประเภทนี้ใช้กันมาตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เป็นยางที่ใช้กันทั่วไป ตัวยางในเป็นที่เก็บลมยางเอาไว้ เมื่อเติมลมตามมาตรฐานกำหนดก็จะช่วยรักษาสมดุลของรถขณะขับเคลื่อนได้ดี เเต่ข้อเสียก็มี เพราะว่าถ้าไปเหยียบถูกตะปูหรือของมีคมที่ทะลุถึงยางในละก็ ยางจะเกิดระเบิดได้ทันที ซึ่งถ้ายางระเบิดก็มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ อาจถึงขั้นชีวิตได้ ถ้าประคองรถไม่ได้ เนื่องจากขับมาด้วยความเร็วสูง เป็นต้น
- ยางประเภทไม่ใช้ยางใน(Tubeless Tire) ยางประเภทนี้ใช้ยางนอกเเทนยางในไปในตัวโดยที่มีไลเนอร์ (Inner Liner) เป็นตัวป้องกันการรั่วซึมของลมยางที่อยู่ภายใน ข้อดีก็คือ แม้ว่าจะเหยียบกับของเเหลมคมที่ทำลายยางนอกก็ตาม ยางก็ไม่ระเบิด ส่วนลมยางนั้นจะค่อยๆ รั่วซึมออกทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งทำให้ยางค่อยๆอ่อนตัวลงเท่านั้น ยังสามารถขับต่อไปได้สบายๆ เพราะตัวยางเมื่อเบียดไปกับถนนแบบเคลื่อนที่ตลอดเวลาก็ช่วยบีบอุดรอยรั่วไปในตัว โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจึงไม่มี เพียงแต่ถ้าลมยางรั่ว ผู้ขับอาจสัมผัสถึงยางที่อ่อนลง และสมดุลของรถขณะขับเคลื่อนที่อาจไม่เหมือนเดิมเท่านั้น ซึ่งอาจขับต่อไปได้ถึงจุดมุ่งหมายโดยไม่ต้องแวะเปลี่ยนหรือปะยางด้วยซ้ำ อีกอย่างหนึ่ง ยางประเภทนี้ยังมีน้ำหนักเบากว่ายางที่ใช้ยางใน และมีระบบระบายความร้อนดีกว่าด้วย และข้อดีอีกอย่างก็คือ เวลามีปัญหารั่ว ก็สามารถอุดรอยได้โดยไม่ต้องถอดล้อออก ทำให้สะดวกและรวดเร็วกว่าประเภทมียางในที่มีปัญหารั่ว ก็ต้องถอดล้อ เเต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เพราะว่า ถ้ามีรอยรั่วขนาดใหญ่ หรือรั่วซ้ำๆ ตรงที่เดิม มักจะอุดไม่ค่อยอยู่ ต้องเปลี่ยนทั้งล้อ
ลักษณะเฉพาะของยางรถยนต์แบบธรรมดา กับ ยางเรเดียล
จะตัดสินใจเลือกใช้ยางรถยนต์แบบไหนดี ระหว่างยางแบบธรรมดากับยางเรเดียล ก็ต้องรู้จักคุณสมบัติของยางแต่ละประเภทก่อน
- ยางธรรมดา โดยโครงสร้างแล้ว ยางรถยนต์แบบธรรมดานั้น มีลักษณะเป็นชั้นผ้าใบไขว้ไปไขว้มา ในแบบเอียงทำมุมประมาณ 35 องศากับเส้นรอบวงของยาง ส่วนจะมีชั้นผ้าใบกี่ชั้นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความเเข็งเเรงของยางที่ต้องการจุดเด่นของยางรถยนต์แบบธรรมดาก็คือ ช่วยให้การขับขี่สะดวก มีความคล่องตัวสูงเพราะบังคับเลี้ยวได้ง่ายในขณะที่ขับด้วยอัตราความเร็วต่ำ และโดยเฉพาะเวลาเลี้ยวเพื่อเข้าจอดในซองหรือที่จอดรถ บังคับรถได้ง่าย เหมาะกับคนที่บังคับรถไม่เก่ง และราคาถูกกว่ายางเรเดียลด้วย
- ยางเรเดียล โดยโครงสร้างแล้ว ยางเรเดียลนั้น มีลักษณะเป็นชั้นผ้าใบพันรอบยางในทิศทางทำมุม 90 องศากับเส้นรอบวงของยาง เป็นเเนวเรเดียล ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง ในส่วนของใต้ดอกยางก็จะมีชั้นผ้าใบหรือเเถบเหล็กกล้าเสริมหน้ายาง ทำให้ยางเรเดียลมีความยืดหยุ่นสูงกว่ายางแบบธรรมดา ทั้งที่โดยตัวโครงสร้างมีความเเข็งเเรงมากกว่า แต่ความแข็งแรงนั้นก็มีผลทำให้การขับขี่ไม่ค่อยรื่นไหลมากนัก เพราะความที่ยางชนิดนี้ยึดเกาะกับถนนได้ดี ให้ความปลอดภัยสูง การบังคับจึงยากขึ้น ยิ่งถ้าเจอถนนไม่เรียบด้วยแล้ว ปลอดภัยแต่บังคับยาก การเลี้ยวโค้งก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องบังคับให้ดี แต่ความยากในการบังคับเมื่อเทียบกับความปลอดภัยแล้ว นับว่าคุ้มค่า รวมถึงราคาที่สูงก็เป็นค่าความปลอดภัยซึ่งใครๆ ก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เพราะค่าของชีวิตหรือรักษาพยายาลหากประสบอุบัติเหตุมันสูงกว่าราคายางมากนัก
ข้อดี ข้อเสียของยางเรเดียล
ในปัจจุบัน เหตุที่ยางเรเดียลได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่รถยนต์มากกว่ายางธรรมดานั้น ก็เนื่องจาก มีจุดเด่นข้อดีที่ชัดเจนและเป็นที่ต้องการ แม้ว่าจะมีข้อเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่เมื่อประเมินความคุ้มค่าแล้ว ยางเรเดียลก็ยังเป็นยางที่ผู้ขับขี่แนะนำต่อๆ กันไปอยู่ดี ลองมาดูรายละเอียดเรื่องนี้ชัดๆ อีกครั้ง
- ข้อดีของยางเรเดียล รถที่ใช้ยางประเภทนี้ จะมีความปลอดภัยในขณะขับขี่เพราะยึดเกาะถนนได้ดี ขับรถยามหน้าฝน หรือเจอสภาพถนนที่เปียกน้ำ จะด้วยน้ำขังเอ่อ หรือฝนเพิ่งหยุดก็ตาม รถก็จะไม่ลื่นไถลง่ายๆ เนื่องจากหน้ายางเรียบแบน เวลาขับรถไปหน้ายางจะสัมผัสกับผิวถนนได้ทั้งหน้า แม้ในขณะที่รถเลี้ยวโค้ง อีกทั้งดอกยางยังได้รับการออกเเบบมาเป็นพิเศษให้มีคุณสมบัติในการรีดน้ำได้ดี จึงไม่ต้องห่วงเรื่องรถจะเสียหลักหากต้องเผชิญกับถนนที่ชื้นแฉะ
- ข้อเสียของยางเรเดียล เวลาที่ขับรถด้วยความเร็วต่ำ เช่น ในช่วงที่ต้องตีโค้งหรือเวลาเตรียมจะจอด
ต้องใช้เเรงในหมุนพวงมาลัยค่อนข้างมาก เหมือนต้องสู้กับแรงเสียดทานที่ล้อยางเกาะถนนอยู่
ข้อพึงระวังในการเลือกใช้ยางเรเดียล
หากต้องการใช้ยางเรเดียล ก็ต้องใช้กับทุกล้อ รวมถึงล้อที่เป็นอะไหล่ด้วย สัญลักษณ์ของยางเรเดียล จะมีอักษร R อยู่ แบ่งเป็นประเภทตามกำหนดอัตราความเร็วที่เหมาะสมดังนี้
SR – หมายถึง อัตราเร็วสูงสุดของยางเป็น 180 กิโลเมตร / ชั่วโมง
HR- หมายถึง อัตราเร็วสูงสุดเป็น 210 กิโลเมตร / ชั่วโมง
VR- หมายถึง อัตราเร็วสูงกว่า 210 กิโลเมตร / ชั่วโมง
ส่วนการออกเเบบขนาดของยาง จะขึ้นอยู่กับเส้นผ่าศุนย์กลางภายนอกของยาง เส้นผ่าศูนย์กลางของขอบล้อความกว้างของหน้ายาง ความลึกของยาง
แม้ยางเรเดียลจะดีอย่างไร ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง ดังนั้น จะเลือกใช้แบบไหน อย่างไร จึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ขับขี่ สภาวการณ์ของการขับขี่ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก