น้ำท่วมรถ ระดับไหนปลอดภัยกับรถยนต์
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีน้ำท่วมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน หรือแม้กระทั่งเรื่องยานพาหนะ แล้วน้ำท่วมระดับไหน ปลอดภัยกับรถยนต์ของเรา วันนี้เรามีข้อมูลดีๆมาฝาก สำหรับใครอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม หรือต้องผ่านเส้นทางน้ำท่วม ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่ในความเสี่ยงก็ศึกษาไว้ได้ก็ไม่เสียหายค่ะ เพื่อป้องกันความเสียหายจากกรณี น้ำท่วมรถ
-
1. ระดับน้ำความสูงตั้งแต่ 10 – 30 ซม.
รถยนต์ (รถกระบะ รถเก๋ง) ยังสามารถวิ่งได้ แต่อาจจะได้ยินเสียงน้ำกระทบกับท้องรถบ้าง แต่ก็ยังสมารถขับไปเรื่อยๆได้ไม่มีปัญหา โดยทั่วไปความสูงของน้ำระดับนี้จะเท่ากับระดับของฟุตบาท หรือประมาณตาตุ่มถึงหน้าแข้งของคนเรา
-
2. ระดับน้ำความสูงตั้งแต่ 20 – 40 ซม.
รถกระบะอาจจะยังพอวิ่งได้อยู่ แต่ต้องระวังในเรื่องคลื่นน้ำ เมื่อรถยนต์คันอื่นวิ่งผ่านกระแสน้ำก็จะซัดคลื่นเข้ามายังรถยนต์ของเรา ซึ่งระดับคลื่นก็สูงขึ้นกว่าปกติและอาจจะเข้ามาในตัวเครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าเป็นรถเก๋งจะวิ่งไม่ได้แล้วเพราะระดับน้ำท่วมสามารถเข้าถึงท่อไอเสียได้ โดยความสูงของน้ำระดับนี้จะเท่ากับระดับของขอบประตูรถเก๋ง หรือประมาณหัวเข่าถึงต้นขา
-
3. ระดับน้ำความสูงตั้งแต่ 40 – 60 ซม.
รถกระบะทั้วไปก็ยังคงพอไปได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องแอบลุ้นอยู่นิดหน่อย เพราะเสี่ยงอยู่พอสมควร แต่ก็ยังคงต้องระวังในเรื่องคลื่นน้ำอีกนั่นแหละ เมื่อรถยนต์คันอื่นวิ่งผ่านกระแสน้ำก็จะซัดคลื่นเข้ามายังรถยนต์ซึ่งระดับคลื่นก็สูงขึ้นกว่าปกติและอาจจะเข้ามาในตัวเครื่องยนต์ได้ ซึ่งถ้าเป็นน้ำระดับขนาดนี้เมื่อเราขับรถควรปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันความเสียหาย
-
4. ระดับน้ำความสูงตั้งแต่ 60 – 80 ซม.
ถือได้ว่าเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อรถทุกประเภทไม่ใช่เฉพาะรถเล็กเท่านั้น รถกระบะ รถเมล์ หรือรถใหญ่อื่นๆก็มีอันตรายได้ เพราะระดับน้ำค่อนข้างสูงและมีสิทธิ์ไหลเข้าไปในเครื่องกรองอากาศได้ ถ้าน้ำเข้าไปในเครื่องกรองอากาศได้นั่นหมายความว่า เครื่องยนต์อาจหยุดชะงักและระบบขับเคลื่อนต่างๆเกิดความเสียหายได้ ทางที่ดีควรเลี่ยงที่จะใช้รถยนต์ในระดับน้ำท่วมสูงขนาดนี้ และควรนำรถไปจอดไว้ในที่สูง น้ำท่วมไม่ถึงจะดีกว่า
ทีนี้หลายๆคนคงจะมีความรู้เกี่ยวกับน้ำท่วมระดับไหน ปลอดภัยกับรถยนต์แล้วใช่มั้ยล่ะคะ ว่าระดับน้ำเท่าไหร่ที่รถยังคงสามารถวิ่งได้ หรือวิ่งไม่ได้แล้ว แต่ทางที่ดีเลี่ยงได้จะดีกว่าต้องมาซ่อมรถใหม่นะคะ เพราะค่าซ่อมรถยนต์เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูกๆเลยแหละ >.<