วิธีพ่วงเเบต – พ่วงแบตรถยนต์ ให้ปลอดภัยที่สุด
แบตเตอรี่รถยนต์เป็นแหล่งพลังงานให้กับระบบการทำงานรถยนต์ในหลายส่วน เช่น การสตาร์ทรถ ระบบไฟ ระบบแตร และทุกระบบที่ใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ระบบเซ็นทรัลล็อค การเลื่อนกระจก ฯลฯ หากแบตเตอรี่หมด ระบบไฟฟ้าทั้งหมดก็หยุดลง และทำให้รถสตาร์ทไม่ติด จะมี วิธีพ่วงแบต อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด
เหตุที่ต้องมีการจั๊มแบตหรือพ่วงแบตนั้น ก็เนื่องมาจากแบตหมดกลางคัน เนื่องจากลืมตรวจเช็คสภาพก่อนใช้งานบ้าง หรือแบตมีสภาพไม่เก็บประจุไฟฟ้าบ้าง เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น เจ้าของจำเป็นต้องขอจั๊มแบตหรือพ่วงแบตกับรถคันอื่น ซึ่งบางครั้ง เจ้าของรถคันอื่นก็ไม่อยากให้ใครมาพ่วงแบตด้วย เนื่องจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ยังมีผู้ใช้รถบางท่าน ยังมีความเข้าใจผิดว่า เมื่อให้มีการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ อาจทำให้รถของตนทำงานไม่สมบูรณ์ ทั้งที่ความจริงก็คือ การพ่วงแบตนั้นเป็นการนำแบตสองตัวมาขนานกัน ซึ่งแรงดันยังคงเท่าเดิม เป็นการแบ่งการไหลของกระแสไฟเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการทำงานของแบตในรถยนต์ที่ให้พ่วงเลย ดังนั้น ผู้ใช้รถจึงน่าจะทำความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้เอาไว้ เพราะหากถูกขอความช่วยเหลือขอพ่วงแบต จะได้เต็มใจแบ่งปันและช่วยเหลือให้ผู้อื่นคลายความเดือดร้อนได้
เมื่อเข้าใจถูกแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ ให้ทำการจั๊มแบต หรือ พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ให้ถูกต้องซึ่งมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
เมื่อถูกขอความช่วยเหลือ ก็นำรถมาจอดใกล้ๆ กัน กะว่าใกล้พอที่สายพ่วงจะต่อถึง เจ้าของรถจึงควรมีสายพ่วงติดรถเอาไว้เผื่อฉุกเฉินด้วย และสายพ่วงนี้ควรมีความยาวพอสมควร
ก่อนทำการจั๊มแบตหรือพ่วงแบตเตอรี่นั้น มีข้อควรระวังและต้องทำก่อนดังนี้
- ดูเรื่องความปลอดภัยด้วย การหยุดรถเพื่อพ่วงแบตต้องระวังไม่ให้ขวางทางรถคันอื่น อย่าให้ความมีน้ำใจของเรา เป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องมีอุบัติเหตุ เสียทรัพย์สินหรืออันตรายต่อร่างกาย
- ปิดระบบไฟของรถทุกอย่าง รวมถึงถอดอุปกรณ์ที่ต่ออยู่กับช่องจ่ายไฟด้วย เพราะระหว่างที่พ่วงแบตนั้น มีการเหวี่ยงของกระแสไฟถึง 300 โวลต์ ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ที่ต่ออยู่กับระบบไฟรถยนต์ได้
- ตรวจดูสภาพแบตเตอรี่ของรถทั้งสองคัน หากมีของคันใดคันหนึ่งแตก ไม่ควรพ่วงแบต เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ เป็นอันตรายทั้งต่อตัวเองและรถยนต์ได้ เรื่องนี้เองที่ทำให้ต้องมีข้อเตือนให้เจ้าของรถหมั่นตรวจเช็คสภาพแบตเตอรี่รถเป็นประจำ หากพบกรณีแตกหรือร้าว ต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย อย่าปล่อยจนถึงเป็นเหตุให้ขอพ่วงแบตเตอรี่ฉุกเฉินจากรถคันอื่นไม่ได้
- ระหว่างการพ่วงแบตนั้น ระวังอย่าให้รถทั้งสองคันมาสัมผัสกัน ตลอดจนร่างกายของเราก็ต้องระวังอย่าให้สัมผัสกับตัวรถทั้งสองคัน พึงระลึกอยู่เสมอว่า เรื่องของไฟฟ้าหากผ่านเข้าสู่ร่างกายอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้
- เพื่อป้องกันอุบัติเหตุแวดล้อม ให้เอาผ้าปิดฝาเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ไว้ด้วย เพราะเวลาที่เกิดความดันสูง และมีประกายไฟจากขั้วแบต ผนวกกับก๊าซไฮโดรเจนที่ปล่อยออกมา อาจเป็นอันตรายได้ อุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิด อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ประมาทเป็นดีที่สุด
- ต้องทำอย่างถูกวิธีและปลอดภัย เพราะเพียงพ่วงแบตสลับขั้ว ก็อาจทำให้ประกายไฟสปาร์ค จนระเบิดได้เหมือนกัน อย่าให้ความหวังดี กลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง
ขั้นตอนการจั๊มแบต หรือ พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ถูกต้องปลอดภัย
รถของคุณควรมีสายพ่วงยาวสัก 10 เมตรเป็นอย่างน้อย ติดรถเอาไว้ เผื่อกรณีฉุกเฉินเช่นนี้
- พ่วงสายแบตเตอรี่ โดยหนีบสายพ่วงที่เป็นขั้วบวก (สายสีแดง) ที่รถทั้งสองคันให้ตรงกัน
- หนีบสายพ่วงขั้วลบเข้ากับรถที่มีแบตเตอรี่เต็ม ส่วนอีกด้านต่อกับตัวถังรถของคันที่แบตเตอรี่หมด ระวัง อย่าให้สายขั้วลบไปแตะกับแบตเตอรีที่หมดหรือตำแหน่งอื่นๆที่อยู่ใกล้กับ แบตเตอรี่
- สตาร์ทเครื่องยนต์ ติดเครื่องรถคันที่มีแบตเตอรี่เต็ม เร่งเครื่องให้รอบเครื่องขึ้นมาประมาณ 1200-1500 รอบ/วินาที และทิ้งเอาไว้สักพัก เพื่อเป็นการชาร์จแบตเตอรี่
- ลองสตาร์ทเครื่องรถคันที่แบตหมด ถ้ายังไม่ติด ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักพักแล้วลองใหม่
- เมื่อรถคันที่แบตหมด สตาร์ทติดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนถอดสายพ่วง ซึ่งวิธีถอนก็เป็นขั้นตอนที่ย้อนกลับ จากตอนที่ต่อ คือ
5.1 ถอดสายขั้วลบออกจากเครื่องที่แบตหมดก่อน แล้วถอดขั้วลบจากรถที่ให้พ่วง
5.2 ถอดสายขั้วบวกในทำนองเดียวกัน
ขอย้ำว่า ต้องระมัดระวังเรื่องต่อสายพ่วงผิดขั้ว เนื่องจากการชาร์จไฟตั้งแต่ 13.8 โวลต์นั้น มีโอกาสทำให้เกิดแก๊สติดไฟได้
การให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมใช้รถใช้ถนน เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด ศึกษาวิธีการพ่วงแบตเตอรี่ที่ถูกต้องเอาไว้ เผื่อช่วยเหลือหรือรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น ( หรือเรียกช่างมาดูเพื่อความชัวเเละปลอดภัยของคุณอีกด้วย หากไม่มีข้อมูลติดต่อร้านหรือศูนย์บริการก็สามารถหาได้ที่นี่ ร้านเเบตเตอรี่รถยนต์ )